นวนิยายสามก๊กเป็นเพียงความทรงจำที่ยังหลงเหลืออยู่ในสมองผมเท่านั้น ผมจำได้ว่าสมัยนั้นผมนั่งวิเคราะห์แต่ละบุคคลและจริงจังกับนิยายเรื่องนี้มาก ทั้งการวางแผนการหรือใครคิดอย่างไรผมก็เอาไปอิงกับสามก๊กทั้งหมด

แต่เวลาก็ผ่านไป นวนิยายเรื่องนี้ก็ถูกลืมในสมองหลักและเหลือเพียงสมองส่วนรองเท่านั้นที่ยังเก็บเพียงบางส่วนรอวันกระตุ้นออกมาอีกครั้ง เรื่องนี้ก็เช่นกันผมเก็บไว้ในหัวมานานมากและไม่เคยเปิดเผยหรือเล่าให้ใครฟังมาก่อน

เมื่อสมัยยังเด็กผมอาศัยอยู่กับอาม่าซึ่งเป็นชาวจีนและเป็นครอบครัวใหญ่ ด้วยความที่ผมชอบอ่านหนังสือไปทั่ว อ่านได้ทุกเรื่องและทุกเล่มยกเว้นหนังสือเรียน ผมมองว่าหนังสือเรียนไม่มีอะไรที่ตรงประเด็นในสิ่งที่ผมอยากรู้ จากนั้นผมก็จะนำเรื่องที่อ่านไปเล่าให้เพื่อนๆ ฟังที่โรงเรียนในทุกๆ วัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผี เรื่องตลก หรือเรื่องลี้ลับต่างๆ และอีก 2 วันผมก็ลืม ผมค่อนข้างภูมิใจที่ได้เล่าให้เพื่อนๆ ฟัง จนกระทั่ง

ผมได้อ่านหนังสือพระเล่มหนึ่งซึ่งผมจำหน้าปกไม่ได้แล้ว แต่เรื่องนี้ฝังอยู่ในสมองผมมา 30 ปี โดยมีชื่อเรื่องว่า 30 ปีดับ 30 ปีรุ่ง โดยเนื้อหาในเรื่องจะเป็นไปในแนวที่ว่าถ้าคุณเกิดขึ้นมาตั้งแต่เด็กจนโตอายุได้ 30 ปี ช่วงชีวิตครึ่งปีแรกคุณรุ่งโรจน์มีแต่ความสุข ความสมบูรณ์ ในอีก 30 ปีให้หลังชีวิตคุณจะไปในทางตรงกันข้าม

ที่เรื่องนี้ฝังในหัวผมมานานก็เพราะว่า ผมอยากรู่ว่าเรื่องนี้จะเป็นจริงหรือไม่เพราะชีวิตผมไม่เคยรุ่งเลยตั้งแต่เด็ก ต้อง Reset ตลอดเวลาจนอายุได้ 25 ปีก็ค่อยๆ เริ่มดีขึ้น รู้จักทำงานทำการไม่คิดนอกกรอบมากเกินไป พอผม 30 แม่ผมก็เสียชีวิต ผมคิดว่าหมดแล้วชีวิตนี้ คนที่คอยประคองผมตอนผม Reset ไม่มีอีกแล้ว (คำว่า Reset ก็คือ การล้มลุกคุกคลาน ของผมมันนับไม่ถ้วน ผมจึงย่อสั้นๆ ว่า Reset )

แต่เมื่ออายุเลย 30 ปี ชีวิตผมก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ดีขึ้นแต่ก็ยังดีขึ้นแบบ Reset น้อยลงๆ เพราะผมไม่มีเวลามากพอจะไปเที่ยวหรือใช้ชีวิตตามใจตัวเอง ต้องบริหารเวลา ต้องทำงานบ้านที่ไม่เคยคิดเลยว่าจะใช้เวลามาก จนชีวิตผ่านมา 10 กว่าปีชีวิตก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ผมมาย้อนคิดถึงความทรงจำในเรื่อง 30 ปีดับ 30 ปีรุ่ง ที่ผมอ่านเจอเมื่อสมัยยังเด็ก

ตามที่ผมศึกษาฮวงจุ้ยมาซักพัก ฮวงจุ้ยเขาจะมีการเปลี่ยนยุคในทุกๆ 20 ปี แต่คนเราจะมียุคที่จะเปลี่ยนทุกๆ 30 ปี และผมลองพยายามคิดต่อยอดว่า ไม่ว่าจะเป็นฮวยจุ้ยหรือชีวิตก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงทุกๆ 20 หรือ 30 ปี อย่างตายตัวเพราะว่า ซินแสหรือคนโบราณเขาคำนวนจากอายุที่ตายตัว เช่น ถ้าในอีก 20 ปีต้นไม้จะน้องลง ทำให้อากาศร้อนขึ้นทิศทางมงคลก็จะเปลี่ยนไป แต่ถ้าในอีก 20 ปีมีการรณรงค์ให้ปลูกต้นไม้ เวลาก็จะคาดเคลื่อนไปจากที่เดิมที่เคยคำนวนเอาไว้ ในทางกลับกันถ้าเราไม่ได้ตายที่อายุ 60 เหมือนคนโบราณเวลาที่เราจะรุ่งหรือดับก็คาดเคลื่อนเช่นกัน

30 ปีดับ 30 ปีรุ่ง ผมจึงนำมาปรับเปลี่ยนเป็นครึ่งชีวิตรุ่งและอีกครึ่งชีวิตดับ คนที่มีความสุข ความสบายตั้งแต่ยังเป็นเด็กหรือเดินในกรอบที่ถูกต้อง พ่อแม่ร่ำรวยสามารถเลี้ยงดูคุณได้อย่างดี เมื่อคุณผ่านครึ่งชีวิต พ่อแม่ที่เคยเป็นเสาหลักจะไม่มีกำลังเสริมคุณอีกต่อไป คุณต้องออกมาต่อสู้และดิ้นรนด้วยตัวคุณเองหรือไม่ก็พ่อแม่รังแกฉัน เปรียบเสมือนหมอหรือวิศวะกรหนุ่มดีกรีจบเมืองนอกผูกคอตาย หรือทานยาฆ่าตัวตายมีให้เห็นกันในทุกๆ วันตามข่าวสาร

ในทางกลับกัน เด็กที่เกิดมามีความทุกข์ ความยากลำบากตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อแม่ไม่มีเงินทองมากมายพอที่จะเลี้ยงดู กรณีบางคนเป็นเด็กเกเร หรือเด็กเลว ทำให้เขาถูกกดดันจากสังคมแต่ยังเด็กเมื่อโตขึ้นมาจะสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างสมบูรณ์แบบหรือรู้จักวางตัวในสังคม

และดาราหลายคนก็เป็นเช่นนั้น บางคนเข้าวงการตั้งแต่อายุ 18 แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่รุ่งแต่อีกคนอายุเท่ากันกับรุ่งโรจน์เปร่งประกาย แต่เมื่อเวลาผ่านไปเมื่อพวกเขาอายุเริ่มเยอะขึ้นคนที่เคยรุ่งโรจน์กับดับลง แต่อีกคนที่ไม่รุ่งเลยกับมีชื่อเสียงขึ้นมา

30 ปีดับ 30 ปีรุ่ง ถึงจะเป็นเพียงแค่ความเชื่อหรือข้อความในหนังสือพระเท่านั้น แต่ทุกอย่างกับเป็นเรื่องจริงในชีวิตของผมและใครอีกหลายคน ขอบคุณครับ

By

error: Content is protected !!