ถ้าเราเคยอ่านหนังสือด้านจิตวิทยา เราจะสังเกตได้ว่าเรากำลังหลงอยู่ในโลกที่สวยงามและปราศจากอันตรายใดๆ ในชีวิต แต่เมื่ออ่านหนังสือเล่มนั้นจบและเราสามารถดึงคำแนะนำจากหนังสือเล่มนั้นๆ ออกมาใช้ในการดำรงชีวิตได้ไม่เกิน 2 อาทิตย์เราก็จะลืมคำแนะนำเหล่านั้นและกับมาใช้ชีวิตตามโชคชะตาอีกครั้ง
และเราก็เจอหนังสือจิตวิทยาอีกหลายๆ เล่มและทำซ้ำๆ รอยเดิมคือ นำแนวคิดมาใช้ได้ไม่เกิน 2 อาทิตย์แล้วเราก็ลืมคำแนะนำเหล่านั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะลืมเพราะว่า เรายังไม่ได้ปลดล๊อคประตูแหล่งโชคชะตาของตัวเอง เพียงแต่เราคิดไปเองตามฝันที่ในหนังสือได้มอบให้ เราใช้ชีวิตตามความฝันที่หนังสือหรือคนเขียนแต่ละคนมอบให้ ไม่ใช่ความจริงที่เป็นโชคชะตาของตัวเอง
แต่ถ้าเราปลดล๊อคโชคชะตาของตัวเองและเอาคำแนะนำในหนังสือหลายต่อหลายเล่มมาปรับใช้ เราจะมีเครื่องมือที่ดีในการใช้ชีวิตและนำไปสู่เป้าหมาย การใช้ชีวิตที่มีความสุข ในอนาคต และการปลดล๊อคโชคชะตาของตัวเองนั้นเราสามารถใช้ Key ที่สำคัญที่สุดคือ การตระหนักรู้และยอมรับ ในตัวของเรา สภาพการณ์ของเราในปัจจุบัน และแยกให้ออกระหว่างสถานการณ์ที่ถูกสร้างขึ้นกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
เช่น ถ้าเรารู้และยอมรับว่าเราอ้วน เราจะหาทุกวิธีมาเพื่อลดความอ้วน แต่ในทางกลับกัน ถ้าในโฆษณาหรือในหนังสือบอกวิธีลดความอ้วนได้ง่าย เร็ว และได้ผลให้กับเรา ทั้งที่จริงๆ เราน้ำหนักตัวแค่ 45 กิโลกรัม และเราทำตามวิธีดังกล่าว เราจะทำตามได้ไม่เกิน 2 อาทิตย์ จากนั้นเราก็จะลืม
นั่นเป็นเพราะเรา ไม่ยอมรับว่าเราเป็นคนผอม แต่เราอยากพยายามลดความอ้วนเพื่อจะได้สรรพคุณตามที่เขาได้ประกาศในโฆษณาเท่านั้น เราย้อนกลับมาเรื่องการเดินทาง ถ้าก่อนการเดินทางเรา รู้และยอมรับ ว่า ” ในทุกๆ การเดินทางของเราอาจจะต้องพบเจอกับสิ่งที่เลวร้าย และสิ่งที่เราไม่คาดคิด จะมีทั้งคนที่ดี (กับเรา) และไม่ดี (กับเรา) ผ่านเข้ามาในการเดิน และ ความวิตกกังวล ความหวาดกลัวย่อมเกิดขึ้นกับเราเป็นเรื่องปกติ “
และถ้าเราผ่านในจุดนั้นได้เราจะแข็งแกร่งขึ้น เมื่อเราแข็งแกร่งขึ้น เราก็จะ ใช้ชีวิตที่มีความสุขมากขึ้น แต่ถ้าเรายังอ่อนไหวและยังไม่สามารถออกเดินทาง เราก็ควร รู้และยอมรับ สภาพจิตใจตรงส่วนนั้นและหาทางพักผ่อนและเยียวยาต่อไปจนกว่าเราจะรู้และยอมรับได้ว่าเราพร้อมที่จะเดินทาง การเก็บตัวอยู่ในห้องเงียบๆ คนเดียวไม่ได้ช่วยอะไรเราได้มาก แต่การหากิจกรรมทำเช่น เล่นเกมส์ หาหนังสืออ่าน หรือดูหนัง จะเยียวยาสภาพจิตใจเราได้อย่างดี
ในทางกลับกันถ้าเรายังสภาพจิตใจเรายังไม่พร้อม เมื่อเราออกเดินทางไปในสภาพจิตใจที่ไม่พร้อม บางครั้งโลกภายนอกหรือสถานการณ์เลวร้ายก็อาจจะทำร้ายเราโดยไม่รู้ตัว และทำให้เราเกลียดสังคมหรือเป็นโรคซึมเศร้าโดยที่เราไม่รู้ก็เป็นไปได้ ดังนั้นผมเน้นอีกครั้งครับว่า การรู้และยอมรับ สภาพจิตใจของตัวในปัจจุบันเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งก่อนออกเดินทางครับ