ธนาคารแห่งแรก

ผมสร้างธนาคารของตัวเองในระหว่างที่ผมกำลังศึกษาเรื่องการเงินจากหนังสือเรื่อง Money In One Lesson ของผู้เขียน Gavin Jackson ซึ่งช่วงแรกผมต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการอ่านเพราะไม่เข้าใจทั้งคำศัพท์ คำเปรียบเทียบต่างๆ (ปกติอ่านอังกฤษเฉพาะสายคอมกับสายการตลาด) แต่ยอมรับว่าเป็นหนังสือทางการเงินเล่มแรกที่ผมเริ่มศึกษา ซึ่งปัจจัยหลักๆ ยกเว้นความเพลิดเพลินในหนังสือเล่มนี้ ทำให้เราเข้าใจเกี่ยวกับ "มูลค่า หรือ สิ่งที่เราสมมุติขึ้นมาให้มีมูลค่า" ทุกอย่างที่เกี่ยวกับมูลค่าขึ้นอยู่กับสิ่งที่กำลังได้รับความนิยมและในหนังสือเล่มนี้ทำให้ผมเริ่มสร้างธนาคารของตัวเองแห่งแรกขึ้นมา ซึ่งในธนาคารของผมจะมีเงินทอนเข้าทุกๆ วันในวันธรรมดาและเงินทอนในทุกๆ วันจะถูกใช้จ่ายเพื่อความสุขในวันเสาร์และอาทิตย์และในหนึ่งอาทิตย์ผมจะนำเงินที่เหลือจากการใช้จ่ายเข้าธนาคารลงทุน คือพูดง่ายๆ ว่าถ้าผมต้องการจะนำเงินไปเล่นหุ้น ผมจะประหยัดค่าไข่ดาวบางมื้ออาหารในวันธรรมดาและนำเงินเหล่านั้นไปลงทุน แต่ปัจจัยที่สำคัญในการศึกษาเรื่องการเงินคือ เราจะได้ฝึกคิดตลอดเวลาทุกการใช้จ่ายเช่น ผมจะซื้อ iPad เพื่อสะดวกในการพิมพ์ในสองทางเลือก…

เป้าหมายของเด็กอายุ 14

เหตุการณ์กราดยิงที่ห้างดังกลางใจเมืองคือจุดเริ่มต้นของบทความนี้ เมื่อผมพยายามหาทุกช่องทางเพื่อหาเป้าหมายที่แท้จริงของเด็กอายุ 14 และผมพยายามย้อนวัยตัวเองไปในยุคสมัยนั้นเพื่อหาคำตอบ แต่เนื่องจากยุคสมัยของเด็กอายุ 14 กับผมนั้นค่อนข้างแตกต่างกันพอสมควรไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีหรือความล้ำสมัยอื่นๆ แต่แรงกดดันและสถานการณ์ที่เราเจอนั้นคล้ายๆ กัน ตอนผมอายุ 14 ผมอยู่ในครอบครัวใหญ่ชาวจีนซึ่งผมรู้สึกเหมือนว่าผมคิดไม่เหมือนคนในครอบครัวเลย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิต วิถีชีวิตหรือแนวคิดด้านอื่นๆ ผมจึงได้แต่เงียบขรึมยอมให้พวกเขาตัดสินว่าผมเป็นอย่างโน้น เป็นอย่างนี้ และเมื่อเราเงียบขรึมในสังคม เราก็จะถูกตัดสินในทุกๆ กรณี เปรียบเสมือนเต่าตัวหนึ่ง ด้วยความกดดันนี้ ผมกลับนำมาผงาดเป็นมังกรนอกบ้านและแสดงออกในแบบที่สุดโต่งและเพื่อนผมหลายคนก็เป็นเช่นนั้นซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกเลยในวัยนี้ และผมเชื่อว่ามีเกินกว่า 30% ของประชากรโลกที่เป็นเช่นนี้ พวกเราถูกตัดสินด้วยความรู้และประสบการณ์ที่มากกว่าของผู้ใหญ่ โดยที่ทุกครั้งที่เราพยายามแสดงความคิดเห็น พวกเขาจะข่มเราด้วยคำพูดที่ว่า "เป็นเด็กจะรู้อะไร" หรือที่แรงกว่านั้นคือไม่พยายามรับฟังความคิดเห็นของเราเลย…

ความสุขก่อนการเดินทาง ตอน คิดบวก คิดลบ

เป็นบทความสั้นเกี่ยวกับการคิดบวกและคิดลบ และผมมองว่าจริงๆ ผู้อ่านทุกคนที่สนใจในบทความลักษณะนี้น่าจะคุ้นเคยและมีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างดี ในการคิดบวกและคิดลบนั้น ขึ้นอยู่ที่เราตีความ เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน หรือในทางพระพุทธศาสนาเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า กรรม หรือ มโนกรรม มโนกรรมทางด้านไม่ดีจะเกิดขึ้นกับคนที่คิดลบและจะแสดงให้เราเห็นผ่านคำพูดและการกระทำ เพราะบุคคลนั้นมีลักษณะการ ตีความ ไปในสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามแต่กรรมที่เคยทำมา เมื่อ ตีความ ไปในทางที่ไม่ถูกต้อง ความคิดหรือสมองของเขาจะสร้างกลไกอัตโนมัติในการเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน จนเกิดเป็นเรื่องราวรูปแบบนึงที่ไม่ถูกต้อง และเชื่อมโยงกันไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ในทางกลับกันถ้าการ ตีความ เป็นไปในทางที่ถูกต้อง ความคิดหรือสมองจะเชื่อมโยงกลไกอัตโนมัติและเชื่อมโยงเรี่องราวต่างๆ ไปในทางที่ถูกต้องเช่นกันและจุดนี้ขึ้นอยู่ที่ มโนกรรม ของแต่ละบุคคล และเป็นความลับสวรรค์ที่ผมไม่สามารถศึกษาหรือเรียนรู้ได้ในจุดนั้น…

ความสุขก่อนการเดินทาง ตอน รู้และยอมรับ

ถ้าเราเคยอ่านหนังสือด้านจิตวิทยา เราจะสังเกตได้ว่าเรากำลังหลงอยู่ในโลกที่สวยงามและปราศจากอันตรายใดๆ ในชีวิต แต่เมื่ออ่านหนังสือเล่มนั้นจบและเราสามารถดึงคำแนะนำจากหนังสือเล่มนั้นๆ ออกมาใช้ในการดำรงชีวิตได้ไม่เกิน 2 อาทิตย์เราก็จะลืมคำแนะนำเหล่านั้นและกับมาใช้ชีวิตตามโชคชะตาอีกครั้ง และเราก็เจอหนังสือจิตวิทยาอีกหลายๆ เล่มและทำซ้ำๆ รอยเดิมคือ นำแนวคิดมาใช้ได้ไม่เกิน 2 อาทิตย์แล้วเราก็ลืมคำแนะนำเหล่านั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะลืมเพราะว่า เรายังไม่ได้ปลดล๊อคประตูแหล่งโชคชะตาของตัวเอง เพียงแต่เราคิดไปเองตามฝันที่ในหนังสือได้มอบให้ เราใช้ชีวิตตามความฝันที่หนังสือหรือคนเขียนแต่ละคนมอบให้ ไม่ใช่ความจริงที่เป็นโชคชะตาของตัวเอง แต่ถ้าเราปลดล๊อคโชคชะตาของตัวเองและเอาคำแนะนำในหนังสือหลายต่อหลายเล่มมาปรับใช้ เราจะมีเครื่องมือที่ดีในการใช้ชีวิตและนำไปสู่เป้าหมาย การใช้ชีวิตที่มีความสุข ในอนาคต และการปลดล๊อคโชคชะตาของตัวเองนั้นเราสามารถใช้ Key ที่สำคัญที่สุดคือ การตระหนักรู้และยอมรับ ในตัวของเรา สภาพการณ์ของเราในปัจจุบัน และแยกให้ออกระหว่างสถานการณ์ที่ถูกสร้างขึ้นกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เช่น…

ความสุขก่อนการเดินทาง ตอน อยู่ที่ไหนก็ได้

ในภาคที่แล้วผมเล่าถึงความแข็งแกร่งตามสัญชาติญาณมนุษย์เมื่อพบเจอกับสถานการณ์ที่เลวร้ายเช่น ยางแตกแถวสนามบิน ซึ่งไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีทั้งเรื่องที่ดีและเรื่องที่ไม่ดีปะปนกัน แต่ก่อนจะเริ่มเดินทาง ผมมีเรื่องเล่าที่เสริมให้เล็กน้อย เป็นเรื่องสั้น ๆ เพื่อปรับทัศนคติก่อนการเดินทาง เรื่องนี้พ่อผมเล่าให้ฟังประมาณ​ 30 ปีก่อน ซึ่งผมจำได้จนถึงทุกวันนี้และใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันสิ่งเลวร้ายต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งพ่อผมเขาบอกเสมอว่า เขาไม่มีสมบัติอะไรให้ มีแต่ความรู้ที่จะสอนให้ปีละ 1 ครั้ง ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่ผมจะสามารถจดจำเรื่องเล่าเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี พ่อมีเพื่อนเป็นชาวจีนซึ่งสามารถทำนายดวงและดูฮวยจุ้ยได้อย่างแม่นยำ ซึ่งผมก็รู้จักและเรียกแกว่า "อาแป๊ะซินแส" และผมก็ไปเพื่อเล่นกับลูกหลานเขาเป็นประจำ เนื่องจากช่วงนั้นพ่อผมมีเพื่อนค่อนข้างเยอะเพราะเป็นผู้จัดการอยู่บริษัทใหญ่แหล่งหนึ่ง และในช่วงนั้นก็มีอาเจ๊กคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนพ่อที่มีความต้องการให้ซินแสดูฮวยจุ้ยให้จึงติดต่อผ่านทางพ่อผม จากนั้นพ่อผมก็โหลๆ หาอาแป๊ะซินแสเพื่อนัดวันและเวลาเพื่อเดินทางไปดูฮวยจุ้ยที่บ้านอาเจ็ก เมื่อถึงวันนัดอาเจ็กกับพ่อผมก็ขับรถไปรับซินแสย่านอุดมสุข ภายในรถอาเจ็กเป็นคนขับ พ่อผมนั่งอยู่ข้าง…

ความสุขก่อนการเดินทาง

วิธีการสร้างชีวิตที่มีความสุข มีอยู่ 2 วิธีคือ เราใช้ชีวิตที่ระมัดระวังสุดตัว นั่งเก็บตัวทำงานอยู่ในห้องมืด ๆ จากนั้นก็ดูหนังดูทีวีอยู่ที่บ้านและพยายามไม่ออกไปพบไปเจอกับใครเพื่อป้องกันไม่ได้ตัวเองถูกทำร้ายจิตใจ ป้องกันตัวเองจากคนไม่ดีในทุกๆ รู้แบบ พูดคุยเฉพาะคนที่ไม่ทำร้ายจิตใจเรา ไม่ขัดใจเราเลย เวลาว่างก็ปลูกต้นไม้ เลี้ยงสุนัขเลี้ยงแมวเพื่อมาเป็นเพื่อนเล่นแก้เหงาแทนการพบปะผู้คน เราก็จะมีความสุขในรูปแบบหนึ่งซึ่งจริงๆ ก็พอเพียงกับการใช้ชีวิตในปัจจุบันและผมก็ใช้ชีวิตในรูปแบบนี้ในวัยชราหรือเวลาที่ผมต้องการความสงบ ซึ่งเป็นไปตามหลักพระพุทธศาสนา แต่ทุกวันนี้ผมใช้ชีวิตในรูปแบบที่สองครับ คือ ผมใช้สติและสมาธิในการเดินทางไปในที่ต่างๆ และความสุขของผมอยู่ในระหว่างทางไม่ใช่เฉพาะปลายทาง ถนนทุกสาย ทุกๆ ไฟแดง สิ่งแวดล้อมข้างทาง อุปสรรคต่างๆ นาๆ เช่น ยางแตก น้ำมันใกล้หมด…

ปรับกรอบแนวคิด

ในบทความก่อนจะเห็นได้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตก็คือ "การใช้ชีวิตที่มีความสุข" แต่การใช้ชีวิตที่มีความสุขอย่างเต็มที่ก็มีอุปสรรคอยู่พอสมควรเพราะธรรมชาติของชีวิต มีขึ้นมีลง มีดีมีร้าย มีสุขและมีทุกข์ และถ้าเราไม่สามารถควบคุมสถานการณ์หรือมีกรอบแนวคิดที่ไม่ถูกต้องจะทำให้เราไม่สามารถใช้ชีวิตที่มีความสุขอย่างเต็มที่ได้อย่างแน่นอน กรอบแนวคิดที่ไม่ถูกต้องถูกปลูกฝังในตัวเราโดยที่เราไม่รู้ตัวตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เราถูกปลูกฝังมาให้เรียนรู้ฝึกฝนหาหนทางที่จะทำงานและหาเงินให้ได้มากๆ เราต้องฝึกตนเอง ฝึกจำวิชาความรู้ ฝึกฝีมือหรืออาชีพเฉพาะทางเพื่อเพิ่มทักษะของเรา แต่ในทางกลับกันเรากำลังปลูกฝัง กรอบแนวคิดกดดันตนเอง กรอบแนวคิดนี้จะมีความคิดที่ว่า เราต้องทำได้ดีกว่านี้สิ! เราต้องเก่งกว่านี้! ทำไมแค่นี้เรายังทำไม่ได้เลย! เราเคยทำมาแล้วทำไมครั้งนี้เราพลาด! เป็นต้น กรอบแนวคิดนี้จะทำให้เราหลงอยู่ในการพัฒนาที่ไม่ได้พัฒนา เราจะเรียนรู้ในสิ่งที่ไม่ควรจะเรียนรู้และทำให้เราหลงทาง ยิ่งถ้าเราคิดที่จะเปรียบเทียบกับผู้อื่นเช่น ทำไมคนนี้เรียนเก่งกว่าเราทั้งที่ตอน ป 4 เรียนสู้เราไม่ได้เลย! ทำไมคนนี้ได้งานดีกว่าเราทั้งที่เกรดเรามากกว่า! เราเคยเป็นที่หนึ่ง! เป็นต้น…

งานเสริมใน Tiktok

เมื่อเร็วๆ นี้ผมได้รับสายจากเบอร์โทร 081-837-8141 สังเกตุจากการพูดและน้ำเสียงผมพบมีความผิดปกติ การพูดไม่ค่อยชัดเหมือนไม่ใช่คนไทย 100% ผมรู้ทันทีว่าเป็นมิจฉาชีพ แต่ด้วยความที่ผมอยากรู้อยากเห็นและอยากทราบขั้นตอนการทำงานของกลุ่มคนพวกนี้ เพราะผมมองว่าเป็นการหากินบนความอับจนหนทางของคนที่กำลังเดือดร้อนและจะนำพามาซึ่งความทุกข์ขั้นสูงสุด ซึ่งผิดกับหลักการของผมที่ผมกำลังพยายามช่วยเหลือคนกลุ่มนี้จากความโหดร้ายหรือมรสุมของชีวิต และผมเชื่อว่าความโชคร้ายในวัยเด็กของผมจะเป็นประโยชน์ที่ดีกับสังคมในอนาคตอย่างแน่นอน เขาบอกว่า "มีงานเสริมใน Tictok มานำเสนอค่ะ เป็นงานกด Like กดติดตามใน Tiktok ใช้เวลาไม่นานค่ะคุณพี่ ก่อนอื่นคุณพี่ต้อง Add Line ไปหา แอดมิน มาเบลก่อนนะคะ... " จากน้ำเสียงของเขา ผมจับสังเกตุได้ว่าเขากำลังแข่งขันกับผมว่าจะสามารถหลอกผมได้ไหมด้วยการแสดงความอ่อนโยน การให้เกียติและพร้อมที่จะช่วยเหลือผมในทุกๆ…

สิ่งสำคัญที่สุดของชีวิต

อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดของชีวิต คงเป็นคำถามโลกแตกสำหรับใครหลายต่อหลายคน กรณีถ้าเป็นวัยเด็กและเริ่มจะเป็นวัยรุ่นในส่วนใหญ่เวลาทำอะไรก็ตามมักจะเต็มไปด้วยข้อจำกัดและการไม่ได้รับการยอมรับ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในวัยเด็กและวัยรุ่นก็คือ การได้รับการยอมรับจากกลุ่มเพื่อน การได้รับการยอมรับจากพ่อแม่ การได้รับการยอมรับจากเพศตรงข้าม และต้องการพิสูจน์ตนเองว่าตัวเองโตเป็นผู้ใหญ่พอที่จะมีสิทธิมีเสียงและแสดงพลังของตนเองได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นการได้รับการยอมรับจากสังคมใกล้ตัว คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตในช่วงชีวิตวัยเด็กและเริ่มโตเป็นวัยรุ่น แต่พอโตขึ้นมาเข้าเรียนมหาวิทยาลัยและเริ่มพบความเปลี่ยนแปลงในแต่ละด้าน เช่น เพื่อน ๆ สมัยเรียนมัธยมเริ่มห่างหายถึงแม้ว่าเราจะพยายามรักษาเอาไว้ก็ตาม เพื่อนสมัยมัธยมก็จะค่อยๆ หายไปทีละคนสองคน ถึงแม้ในยุคสมัยนี้ที่มี Social Media การพูดคุยการสื่อสารก็จะไม่ค่อยเหมือนเดิม เวลาที่เคยมีให้กันจะค่อยๆ จางลงๆ เราจะต้องเดินหน้าต่อไปในสังคมมหาวิทยาลัยที่มีเพื่อนกลุ่มใหญ่ที่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยสนิทสนมกับเราเท่าที่ควร ทำให้เรามองว่าเพื่อนที่มหาวิทยาลัยสนิทสนมกับเราน้อยว่าเพื่อนสมัยมัธยม เพราะต่อให้เราพยายามพิสูจน์ตัวเองอย่างไรก็ตาม เราก็จะไม่ได้รับการยกย่องเหมือนเช่นเดิมเพราะกลุ่มหรือสังคมของเรากว้างขวางขึ้นและมีมุมมองแนวความคิดที่หลายหลายขึ้น พักฟังเพลงกันก่อนครับ https://youtu.be/Bn5JCe-7aIg แต่จริงๆ…

ความทุกข์แห่งชีวิต

เนื่องจากการอ่านหนังสือจิตวิทยาเป็นเพียงงานอดิเรกของผมเท่านั้นครับ แต่ผมต้องการเผยแพร่แนวคิดต่างๆ ที่ผมพอจะจับใจความมาได้ผนวกกับประสบการณ์ต่างๆ เพื่อให้คนรุ่นหลังนำไปใช้ประโยชน์ ในโลกโซเชียลมีเดียเชื่อกันว่าเราทุกคนเท่าเทียมกัน แต่ลึกๆ ในใจเรานั้น... เราย่อมรู้ดีแต่ใจว่าความสุขและความทุกข์ของแต่ละคนไม่เท่าเทียมกัน ด้วยปัจจัยในช่วงเวลาและสถานที่ที่เกิด อุปนิสัย และการใช้ชีวิตทำให้เราแตกต่างกันในด้านความสุขและความทุกข์ บางคนเกิดมาด้วยต้นทุนต่ำ ประสบพบเจอกับความยากลำบากตั้งแต่เด็ก คบเพื่อนไม่ดี โตมาในสังคมที่ต้องเหน็ดเหนื่อย ตะเกียดตะกายแข่งขันกันสุดชีวิตเพื่อเงินเพียงเล็กน้อย ในทุกๆ วันต้องใช้ชีวิตไปตามสัญชาติญาณ หาเช้ากินค่ำ ต้องโกหกเพื่อเอาตัวรอดจากกลุ่มเพื่อนหรือมิตรที่ไม่ค่อยดี บางครั้งก็รวมกลุ่มไปรีดไถเงินคนอื่นเพราะเงินไม่พอใช้ สร้างเขี้ยวเล็บให้ตัวเองมากมายเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด คนกลุ่มนี้ประสบความทุกข์มาตั้งแต่เกิดทำให้พอมีภูมิคุ้มกันพอสมควรเมื่อพบกับ ความทุกข์ขั้นสูงสุด กับบางคนที่เกิดมาด้วยต้นทุนสูง ก็คือคนที่มีฐานะปานกลางจนถึงฐานะร่ำรวย คนเหล่านี้ถูกตามใจตั้งแต่เด็ก อยากทานอะไร อยากใช้อะไรก็จะมีคนจัดหามาให้หรือไม่ก็ขอพ่อขอแม่เพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ พ่อแม่คือปัจจัยที่ทำให้คนเหล่านี้มีความสุข…

error: Content is protected !!